วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

ให้เด็กเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์กิจกรรม

สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาตรงกันวันพระ กิจกรรมเรียนรู้ของโรงเรียนชีวีเป็นสุขจึงเปลียนไปเป็นการไหว้พระสวดมนต์แทน ผลที่ได้คือเด็กเกิดอาการเบื่อไปตาม ๆ กัน แม้แต่จะให้เด็กเฝ้าดูความเบื่อก็เอาไว้ไม่อยู่ อาจเนื่องจากว่า "การเฝ้าดูความเบื่อ" อาจยากเกินไปสำหรับเด็ก เพราะแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนก็ "ดูไม่เป็น"

ผู้ใหญ่อาจไม่สังเกตว่าทำไมเด็ก ๆ ถึงรู้สึกเบื่อเมื่อถูกสอน ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากผู้ใหญ่บางคนอาจจะยังไม่ตื่นจากยุคสมัยเมื่อตนเองเป็นเด็ก ต้องยอมรับว่าเมื่อ 40 ปีที่แล้ว เด็กสมัยนั้น "กลัวอุบายในการสอน" ของผู้ใหญ่มาก แต่เด็กสมัยนี้เขาไม่คิดแล้วว่าสิ่งนั้นคือ "อุบายในการสอน" เด็ก ๆ เขารู้แล้วว่าสิ่งนั้นเป็น "เรื่องผู้ใหญ่หลอกเด็ก" เราต้องยอมรับครับว่า เด็ก ๆ สมัยนี้ ผมหมายถึงเด็ก ป.1 ครับ ความคิดความอ่านก้าวหน้ากว่าสมัยเมื่อคุณพ่อคุณแม่ยังเด็ก เพราะข้อมูลข่าวสารและความรู้สมัยนี้ ไม่ได้อยู่ในกระดานชนวน หรือในหัวครูเหมือนสมัยก่อน เด็ก ๆ อ่านหนังสือเล่มเดียวกับที่ครูมาสอนเขา หรือพระมาสอนเขา หรือพ่อแม่มาสอนเขา ผมจึงทดลองให้เด็ก ริเริ่มคิดกิจกรรมที่เขาต้องการเรียนรู้เอง โดยผมที่ทำหน้าที่เป็นครูฝึก คอยสนับสนุนให้เขาได้ทำสิ่งที่เขาริเริ่มขึ้น โรงเรียนอื่นอาจทำไม่ได้ครับ แต่โรงเรียนชีวีเป็นสุขทำได้เพราะเราเรียนเพื่อรู้ครับ ไม่ได้เรียนเพื่อสอบได้

กิจกรรมสัปดาห์ที่ผ่านมา เด็กบอกว่า "อยากเล่น" ผมเลยจัดให้ครับ ผมได้แผ่นเกมส์ภาษาอังกฤษมาแผ่นหนึ่ง ผมทดลองให้เด็ก ๆ ผลัดกันเล่นโดยให้ออกเสียงตามก่อน แล้วให้เลือกคลิ๊ก ภาพที่ตรงกับความหมายของคำ เด็ก ๆ มีท่าทีสนุกครับ แต่เล่นได้สักชั่วโมงก็ออกอาการเบื่อ อาจจะเป็นเพราะเครื่องมีเครื่องเดียว เด็กต้องรอคิวนาน ตรงนี้เด็กก็ได้ฝึกการรอคอยเพิ่มเติมอีกเรื่องหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจครับ

เมื่อผ่านชั่วโมงไป ผมเอาเกมส์ที่โหลดมาจาก ฟังธรรมดอทคอม มาให้เด็กเล่น ๆ เป็นเกมฝึกคุณธรรมครับ ผลก็คือเด็กสนุก ๆ กับการแข่งกันว่าใครจะผ่านด่านได้มากกว่ากัน แต่อีกนั่นแหละ เด็กเบื่อที่ต้องรอครับ

เห็นไหมหละครับ ความทันสมัย ความสะดวกสบายที่เป็นผลมาจากการพัฒนาสมัยใหม่ เราก็ได้เด็กที่รอไม่เป็น ผมเคยให้เด็ก ๆ รอเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น เด็กทุรนทุรายมาก เราคงต้องฝึกกันต่อไปครับเพื่อสร้างจิตใจที่เข้มแข็งให้เด็ก ๆ ของเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น